25 ธันวาคม 2551

Happy New Year 2009


เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ชาวศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ได้พร้อมใจไปร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า – ต้อนรับปีใหม่ โดยศูนย์ราชการจังหวัดสระแก้วและ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้วได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ในงานประกอบไปด้วยการแสดงดนตรีจากวง “น้ำหวาน” ซึ่งเป็นวงดนตรีกิตติมศักดิ์จากนายก อบจ.สระแก้ว อีกทั้งยังมีการเลี้ยงอาหารว่างจากหน่วยงานราชการ และของรางวัล อาทิ โทรทัศน์ ตู้เย็น สร้อยคอทองคำ และอื่นๆ อีกมากมาย

24 ธันวาคม 2551

“แบงก์ปลอม” ปัญหาในโลกทุนนิยม



ในโลกทุนนิยมนั้น ปัญหาอย่างหนึ่งที่ยังคงทำกันอย่างแพร่หลายและมีมาแล้วทั่วโลก คือ การผลิตแบงก์ปลอมเพื่อเอาเปรียบผู้คนทั่วไป ซึ่งในขณะนี้ก็กำลังเกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทย โดยส่วนใหญ่ที่ปลอมกันมากคือแบงก์ฉบับละ 1 พันบาท และ ฉบับละ 50 บาท
ผลกระทบที่เกิดขึ้นแผ่ขยายเป็นวงกว้างเนื่องจากทำให้การซื้อขายโดยเฉพาะระบบค้าปลีกเกิดปัญหาความไม่ไว้วางใจผู้ที่นำแบงก์ฉบับละ 1 พันบาท หรือ ฉบับละ 50 บาท มาจับจ่าย จนทำให้เกิดการเสียเวลา เกิดการกระทบกระทั่งกันเนื่องจากการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะความไม่ไว้ใจกัน
หนทางที่พอจะช่วยได้ในตอนนี้ก็คือการรู้จักสังเกต และเรียนรู้วิธีการแยกแยะระหว่างแบงก์จริงกับแบงก์ปลอมว่าแตกต่างกันอย่างไร (บางทีอาจเขียนป้ายติดไว้หน้าร้านเลยว่า “ร้านนี้มีวิธีดูแบงก์ปลอม” ก็อาจช่วยได้นะ?)
คลิกที่นี่ : วิธีการสังเกตแบงก์ปลอม :

อุบัติรักของดาวเคียงเดือน


การมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนนั้นถือเป็นการสังเกตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่บางคนอาจมองเป็นเพียงนามธรรม (ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ชอบสิ่งที่เป็นรูปธรรมจนลืมนึกถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม) แต่ที่จริงแล้วดวงดาวได้อยู่คู่กับวิถีชีวิตของมนุษย์เรามาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ก่อนที่เราจะสามารถคิดค้น ดัดแปลงสิ่งประดิษฐ์ หรือสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมาเสียอีก
การศึกษาเรื่องของดวงดาว หรือที่เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ดาราศาสตร์” นั้น ถือเป็นการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ฝึกให้เราเป็นคนช่างสังเกต ช่างจดจำ วิเคราะห์ และสังเคราะห์เรื่องราวต่างๆ มาผูกโยงใยกันจนเป็นนิทานดวงดาว หรือ นิยายปรัมปรา อย่างเช่นปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็สามารถทำให้ใครหลายๆ คนมีความรู้สึกที่อิ่มเอิบ มีความสุข จนต้องแอบยิ้มไปพร้อมกับภาพน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นเสียมิได้
ฉะนั้น ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ถ้าเราอยากฝึกให้ลูกหลานของเรามีจิตวิทยาศาสตร์ เป็นคนช่างสังเกต และช่างจดจำโดยการฝึกสังเกตดวงดาว ก็ลองติดตามปรากฏการณ์บนท้องฟ้าในปี 2552 ดูนะครับ
1. ปรากฏการณ์สุริยุปราคาแบบวงแหวน เกิดวันที่ 26 มกราคม 2552 ระหว่างเวลา 15.58-17.56 น.
2. ปรากฏการณ์สุริยุปราคาแบบเต็มดวง เกิดวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 ระหว่างเวลา 07.07-09.13 น.

23 ธันวาคม 2551

"โปลิโอ" Never die


"ในปี 2551 สถานการณ์ผู้ป่วยโปลิโอทั่วโลก ณ วันที่ 4 พ.ย. 2551 มีรายงานผู้ป่วยทั้งสิ้น 1,449 ราย ร้อยละ 93.65 เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในประเทศไทย และที่ยังคงมีโรคประจำถิ่น คือ ไนจีเรีย อืนเดีย ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน"
"เห็นได้ว่าสถานการณ์การเกิดโรคโปลิโอยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากมีปัญหาการระบาดข้ามประเทศจากประเทศที่ยังมีโรคโปลิโอเป็นโรคประจำถิ่นไปยังประเทศที่ปลอดโรคแล้ว เป็นปัญหาสำคัญที่ทุกประเทศต้องหาทางป้องกัน ดังนั้นการรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอในประเทศไทยจึงยังคงต้องดำเนินการต่อไปเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโปลิโอที่อาจถูกนำเข้ามาจากภายนอกประเทศ" : ข้อความบางส่วนคัดมาจากโครงการรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอของสำนักงานประสานงานกวาดล้างโรคโปลิโอ วันที่ 19 ธ.ค. 2551

บทเรียนสุดท้าย


ผลแห่งการทำงานเป็นทีมของชาวศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วและเครือข่ายรับเชิญที่ให้ความกรุณาในเรื่องอาคาร สถานที่ และการให้ความรู้โดยการเป็นวิทยากรบทเรียนต่างๆ เช่น เทคนิคการทำงานกับชุมชน นักสืบสายน้ำ ดูดาว ดูนก ดูผีเสื้อ และการเตรียมงาน เตรียมความพร้อมทั้งก่อนและหลังกิจกรรม ทำให้โครงการบรรลุการขยายผลลงสู่พื้นที่ใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกต่อไป

22 ธันวาคม 2551

บทเรียนที่ 5 ดูผีเสื้อวันลมแรงอากาศหนาว


ในวันที่ลมแรงอากาศหนาว ผีเสื้อหลบซ่อน การพบเห็นจึงเป็นสิ่งที่ยากขึ้น ท่านอาจารย์สินธุยศ จันทรสาขา นำภาพสไลด์ผีเสื้อที่ท่านถ่ายไว้เป็นเวลานับ 10 ปี บรรยายผ่านโปรเจกเตอร์ได้อย่างสนุกสนาน ทั้งความรู้ระดับลึกแต่พูดง่ายๆ ชวนติดตาม นักศึกษาและครู กศน. รวมถึงตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบลมีความสุขกับกิจกรรมดูผีเสื้อผ่านสไลด์ในคราวนี้

20 ธันวาคม 2551

บทเรียนที่ 4 ดูนกยามเช้าของวันที่อากาศหนาวเย็นที่ปางสีดา


คุณกำพล บุญชูสว่าง นักธุรกิจจังหวัดสระแก้ว ผู้พิศมัยการดูนกในธรรมชาติอย่างเชี่ยวชาญ ให้ความกรุณาเป็นวิทยากรนำดูนก คุณกำพลได้บรรยายการใช้กล้องทั้ง Binoculars และ Telescope แบบเข้าใจง่ายๆ จากนั้นได้นำดูนกตามเส้นทางเพื่อเพิ่มเติมประสบการณ์ให้ครูกศน., นักศึกษา กศน. และอบต. ทุกคน

บทเรียนที่ 3 ดูดวงดาวบนฟากฟ้ายามราตรี


อาจารย์แสง โตศรีสวัสดิ์เกษมและทีมงาน ศว.สระแก้ว ติดตั้งกล้องดูดาวถึง 3 ตัว พร้อมติดตั้ง Projector บรรยายโปรแกรมดูดาวและชี้กลุ่มดาวให้ดูจริงๆ เป็นที่ประทับใจของทุกคน

19 ธันวาคม 2551

บทเรียนที่ 2 ปฏิบัติการลุ่มน้ำพระปรง

หลังจาก ครู กศน., นักศึกษา กศน. และตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนตำบลได้ปรับพื้นฐานปฏิบัติการนักสืบสายน้ำแล้ว พวกเราได้ลงปฏิบัติการจริงในพื้นที่ ณ คลองพระปรง อ.เมือง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการคัดสรรในการทำกิจกรรมครั้งนี้

นักสืบสายน้ำ บทเรียนที่ 1 เทคนิคการทำงานกับชุมชน


เทคนิคการใช้กระบวนการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งคำนึงถึง 3 ประเด็นหลักคือ พูดคุยเฉพาะประเด็น ไม่มีทางเลือกใดๆ ทุกคนเป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี โดยเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ทุกคนเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็น ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ใดๆ และใช้แผนภูมิความคิด (Mind Mapping) ในการจดบันทึกการพูดคุย

18 ธันวาคม 2551

นักสืบสายน้ำที่คลองพระปรง



ทีมวิทยากรจากลุ่มน้ำตรัง นำโดยอาจารย์สุรวุฒิ ขันธ์คง และคณะได้นำน้องๆ นักวิชาการจากศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วถอดบทเรียนในพื้นที่จริง ณ คลองพระปรง ในวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ก่อนดำเนินกิจกรรมตาม Super Classroom ประเภท Outdoor เรื่องนักสืบสายน้ำ ที่นักวิชาการ ศว.สระแก้วสร้างขึ้นไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ครู กศน., นักศึกษา กศน. และตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดนครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว และฉะเชิงเทรา จำนวน 80 คน ในวันที่ 19 ธันวาคม 2551 เพื่อเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่อไป


17 ธันวาคม 2551

"พูพอน"ต้นพระเจ้าห้าพระองค์ที่เขาสอยดาว


“พูพอน” เป็นวิวัฒนาการของรากต้นไม้ที่ปรับตัว โดยปกติแล้วต้นไม้ใหญ่ต้องหยั่งรากให้ลึกลงไปในดินเพื่อการยึดลำต้น แต่ในภูมิประเทศบางแห่งมีชั้นของดินตื้นใต้ดินเป็นขั้นของหินต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถหยั่งรากลงลึกได้ ต้นไม้จึงต้องแผ่รากให้เป็นปีกสูงๆอยู่บนดินเพื่อยึดลำต้น อาการเช่นนี้นักพฤกษศาสตร์เรียกว่า “พูพอน”หากเราเดินป่า ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เส้นทางดงติ้ว – มอสิงโตจะพบพูพอนขนาดใหญ่อาจถึงสิบคนโอบ แต่เป็น“พูพอนของต้นสมพง” เมื่อเคาะพูพอนจะเกิดเสียงดังกังวานไปไกล คนเดินป่าสมัยก่อนใช้การเคาะพูพอนเพื่อการสื่อสารถึงกลุ่มพวกเมื่อเกิดหลงป่า แต่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กลับพบ“พูพอนของต้นพระเจ้าห้าพระองค์”ขนาดใหญ่สวยงามดูเป็นปีกที่บางกว่าต้นสมพง ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลป่าให้ข้อมูลว่า ถ้าเดินขึ้นไปบนเขาสอยดาวที่สูงขึ้นอีกจะพบพูพอนของต้นพระเจ้าห้าพระองค์ที่มีขนาดใหญ่มากอาจถึงยี่สิบคนโอบในโอกาสต่อไปถ้ามีเวลาคงได้มาเยือน พูพอนยักษ์ของต้นพระเจ้าห้าพระองค์ที่เขาสอยดาวอีกครั้ง

15 ธันวาคม 2551

กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์


เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2551 ศว.สระแก้ว จัดกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ให้แก่นักเรียนร.ร.สำเร็จวิทยาและร.ร.อนุบาลจันทบุรี จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 169 คน

สะพานไม้แห่งการเรียนรู้ป่าชายเลน


พื้นที่บริเวณด้านหลังองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี มีการจัดสร้างสะพานไม้เป็นทางเดิน เพื่อเข้าไปศึกษาเรียนรู้ป่าชายเลน สะพานไม้ที่เดินศึกษามีความยาว ประมาณ 2 กิโลเมตร จากการสังเกตป่าชายเลน แห่งนี้มีต้นแสมขาวอยู่ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของป่ามีการปลูกป่าเพิ่มเติมเป็นป่าโกงกางบ้าง เมื่อเดินตามสะพานไม้ไปครบรอบมีข้อคิดเห็นในใจหลายเรื่อง เช่น ป่าชายเลนแห่งนี้น่าจะเป็นแหล่งศึกษาต้นแสมขาวโดยเฉพาะได้อย่างลึกซึ้ง พบสัตว์หลายชนิดได้แก่ กุ้งขัน ปลาตีน งู นกยางโทน นกกินเปี้ยว นกกาเหว่า โดยเฉพาะนกกินเปี้ยวถือว่าพบหนาแน่นเป็นแหล่งศึกษาได้ สัตว์ทุกชนิดไม่มีข้อมูลศึกษาเลยนับเป็นสิ่งน่าเสียดาย มีประชาชนบางคนได้ใช้สะพานไม้เป็นที่ออกกำลังกายโดยการวิ่ง ความแข็งแรงของสะพานไม้อาจลดลง ประเด็นที่สำคัญและมองข้ามไม่ได้คือ การมีประตูน้ำเปิดผ่านป่าชายเลนทำให้เกิดร่องน้ำ ผลคือต้นแสมขาวสองฝั่งล้มลงเป็นจำนวนหลายต้น เหตุของการล้มเพราะป่าเกิดช่องว่างต้นไม้ไม่สามารถเกาะเกี่ยวผูกพันกันสรุปว่าป่าชายเลนรากตื้นเป็นป่าอยู่ได้เพราะการเกาะเกี่ยวผูกผันทั้งรากและลำต้น เหมือนคนในชุมชนอยู่ได้ด้วยความสามัคคีทั้งความคิดจิตใจ และการกระทำ

เราพร้อม

ณ บัดนี้เป็นต้นไป ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว พร้อมแล้วที่จะนำรถนิทรรศการเคลื่อนที่(รถโมบาย) ไปให้บริการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์แก่ประชาชนทั่วไปและนศ.กศน. ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคตะวันออก(สระแก้ว, จันทบุรี, นครนายก, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, ระยอง และ สมุทรปราการ)

09 ธันวาคม 2551

ฝายแม้วที่ "น้ำแม่ว้า"


น้ำแม่ว้า เป็นแม่น้ำสายรองไหลไปรวมกับแม่น้ำน่าน ที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ช่วงต้นเดือนธันวาคม ยังมีน้ำไหลอยู่ไม่มากนัก ด้วยพื้นที่ต้นน้ำถูกตัดต้นไม้บนภูเขาเกือบโล้นทำให้ไม่มีพื้นที่ซับน้ำ ประชาชนที่อยู่ริมน้ำแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูกผักและกระเทียม บริเวณริมแม่น้ำ โดยการช่วยกันทำฝายแม้วชะลอน้ำให้ไหลช้าลงเพื่อยืดระยะเวลาการนำน้ำไปใช้ที่จริงแล้วฝายแม้ว เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นการจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมในชุมชนภาคเหนือของประเทศไทยมายาวนาน บรรพบุรุษได้สั่งสม องค์ความรู้ไว้ให้อนุชนได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการบูรณาการ(ทำไปพร้อมกัน) ภูมิปัญญากับความรู้สมัยใหม่ในการจัดการสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน เพื่อคนรุ่นต่อๆไปฝายแม้วชะลอน้ำให้ไหลช้าเพื่อการนำไปใช้ ฉันใด การลดการบริโภคที่เกินความจำเป็นช่วยชะลอธรรมชาติสิ่งแวดล้อมถูกทำลายได้ ฉันนั้น

หลวงพ่อกับต้นดิกเดียม


คำว่า “ดิกเดียม” เป็นภาษาของคนในภาคเหนือโดยเฉพาะชาวจังหวัดน่าน ซึ่งแปลว่า “จักจี้” ฉะนั้น ต้นดิกเดียมที่จะเขียนจึงหมายถึงต้นจักจี้ ต้นจักจี้เป็นเช่นไร ต้นจักจี้อยู่ที่ไหนต้นดิกเดียม ต้นนี้อยู่ที่วัดปรางค์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมื่อต้นดิกเดียมอยู่ในวัดแน่นอนที่สุดบุคคลที่จะให้ข้อมูลได้ดีก็ต้องเป็นหลวงพ่อนั้นแหละ วันนั้นคณะของพวกเราได้ยืนฟังหลวงพ่อบรรยายถึงต้นดิกเดียม พร้อมทั้งสาธิตการลูบไปตามต้นดิกเดียม ผลปรากฏคือต้นดิกเดียมสั่นสะท้านจนใบไหว นับเป็นเรื่องที่แปลกมากถึงปฏิกิริยาของต้นไม้ที่มีต่อการลูบเบาๆของหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อสาธิตให้ดูแล้ว พวกเราทุกคนต่างทดลองลูบต้นดิกเดียมดูบ้าง ผลปรากฏการสั่นสะท้านของต้นดิกเดียมที่ทุกคนลูบแตกต่างกัน บางคนสั่นมาก บางคนสั่นน้อย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นยังคงต้องพิสูจน์ทดลองอีกต่อไป

04 ธันวาคม 2551

เรารักในหลวง

รักพ่อ รักแผ่นดิน รักชาติ
รักราช รักศาสน์ รักถิ่น
รักแหล่งรู้วิถีธรรมนำชีวิน
รักแผ่นดินของพ่อภูมิพล
ปัญญา วารปรีดี : ผู้ประพันธ์
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว

01 ธันวาคม 2551

พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณการเป็นข้าราชการที่ดีเพื่อพลังของแผ่นดิน 1 ธันวาคม วันสถาปนาจังหวัดสระแก้ว


ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณการเป็นข้าราชการที่ดีเพื่อพลังของแผ่นดินและวันสถาปนาจังหวัดสระแก้ว พร้อมหน่วยงานราชการอื่นๆ ของจังหวัดสระแก้ว ณ ห้องประชุมปางสีดา ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2551

28 พฤศจิกายน 2551

“คลองพระปรง” บริเวณจัดกิจกรรมนักสืบสายน้ำ




ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วได้สำรวจคลองพระปรง อ.เมือง จ.สระแก้ว เพื่อเตรียมสถานที่จัดกิจกรรมนักสืบสายน้ำเพื่อการอนุรักษ์น้ำ อนุรักษ์ป่า ตามโครงการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องน้ำ – ธรรมชาติ – ชีวิต ระหว่างวันที่ 18 -21 ธันวาคม 2551 ให้แก่ครู กศน. และนักศึกษา กศน. ในจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกง – ปราจีนบุรี และ โตนเลสาป เพื่อการขยายผลในพื้นที่ 4 จังหวัดในโอกาสต่อไป

(ภัฑรกิจ : ถ่ายภาพ)

27 พฤศจิกายน 2551

กาสรกสิวิทย์โรงเรียนกระบือแห่งแรกของโลก


ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 33 ถนนสุวรรณศร ที่ผ่านจังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี เข้าสู่จังหวัดสระแก้ว ก่อนถึงตัวจังหวัดสระแก้วประมาณ 5 กิโลเมตรขวามือเป็นที่ตั้งโรงเรียนกาสรกสิวิทย์โรงเรียนสอนกระบือแห่งแรกของโลก ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ณ ห้วงเวลานี้เป็นระยะเวลาเริ่มต้นการดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงบริเวณสถานที่
จากการได้เข้าเยี่ยมชมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ซึ่งดูเป็นคนเก่งมีความคล่องตัวสูงทำให้ทราบว่าโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อสอนกระบือให้สามารถกลับมาไถนาได้อีกครั้ง ซึ่งเขาเคยทำหน้าที่นี้หลายร้อยปีมาแล้ว แต่คนทอดทิ้งกิจกรรมเช่นนั้นไปเสีย และอีกวัตถุประสงค์หนึ่งเพื่อสอนคนให้รู้จักพากระบือไปไถนาได้ เหตุเพราะผู้คนปัจจุบันลืมวิธีใช้กระบือไถนาไปแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบบอกกล่าวอีกว่าในพื้นที่ของโรงเรียนกาสรกสิวิทย์แบ่งเป็นสามส่วน
ส่วนแรกเป็นส่วนการต้อนรับผู้มาเยือนทั้งการประชาสัมพันธ์และการให้ข้อมูล ส่วนที่สองเป็นส่วนการสอนการเรียนรู้ของกระบือและคน ส่วนที่สามเป็นส่วนแสดงองค์ความรู้ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ในเบื้องต้นได้กำหนดหลักสูตรคร่าว ๆ ไว้ 3 หลักสูตร หลักสูตรสอนกระบือให้ไถนา 3 วัน หลักสูตรสอนคนให้พากระบือไถนา 10 วัน และหลักสูตรที่สอนทั้งกระบือและ คนทำนา 15 วัน
ในเวลาอันใกล้นี้เราอาจได้เห็นวิถีไทยวิถีเกษตรอย่างยั่งยืน ที่มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันแลกเปลี่ยน การลงแขกลงแรงและรอยยิ้มหนึ่งเดียวในโลกอีกครั้งหนึ่ง

26 พฤศจิกายน 2551

กะเหรี่ยงคอยาวที่แม่ฮ่องสอน


“กะเหรี่ยงคอยาว” เป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งที่มีประเพณี วัฒนธรรมไม่เหมือนกะเหรี่ยงกลุ่มอื่นกล่าวคือ วัฒนธรรมการนำปลอกทองเหลืองสวมไว้รอบคอและเพิ่มจำนวนขึ้นไปเรื่อยๆ ตามอายุ บางคนสวมมากกว่า 25 ปลอก จึงทำให้คอดูยาวกว่าปกติ (คอยาวกว่าปกติจริงๆ) การสวมปลอกคอทองเหลืองนั้นนิยมทำเฉพาะผู้หญิงโดยเริ่มสวมตั้งแต่เด็ก เป็นความสมัครใจของผู้สวมเองที่จะรักษาวัฒนธรรมนี้ ไม่มีการบังคับ แต่เมื่อตัดสินใจสวมปลอกทองเหลืองแล้วต้องสวมไปตลอดชีวิต
จากการได้สัมภาษณ์พูดคุยกับกะหรี่ยงคอยาวที่หมู่บ้านห้วยปูแกง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้เข้าใจวิถีชีวิตของกะเหรี่ยงคอยาวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แม้ว่าผู้หญิงที่สวมปลอกทองเหลืองจำนวนหลายปลอกก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมีชีวิตคู่ มีครอบครัวและมีบุตรแต่อย่างใด ปลอกทองเหลืองที่สวมใส่นั้นกะเหรี่ยงคอยาวถือว่าเป็นเครื่องประดับ เขาจึงทำความสะอาดทุกวันให้สวยงาม จึงดูเหมือนว่าปลอกทองเหลืองสุกใสเหมือนทองคำแท้ กะเหรี่ยงคอยาวมีนิสัยรักสงบ เอื้ออารี ยิ้มแย้ม เป็นมิตร สุภาพ
แม้ว่าผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วโลกเพื่อเยี่ยมเยือนกะเหรี่ยงคอยาว อาจนำพาวัฒนธรรมต่างๆ มาเพื่อให้เขาได้พบได้เห็น แต่กะเหรี่ยงคอยาวยังคงรักษาวัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมของตนไว้ด้วยความเชื่อมั่นในตัวตนที่ไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ปฏิเสธความเจริญ รู้จักใช้ Internet เพื่อการศึกษาสืบค้น ใช้ Solar Cells เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
สรุปว่า มนุษย์ทุกผู้คนที่อยู่ใกล้ธรรมชาติ อาจเข้าใจดีว่าความเจริญสักเท่าใด สุดท้ายย่อมกลับคืนสู่ธรรมชาติดังเดิม

เสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องน้ำ ธรรมชาติและชีวิต


ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว Start project ใหม่ เมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ เรื่อง น้ำ-ธรรมชาติ-ชีวิต กลุ่มเป้าหมายได้แก่ ครู กศน. และนักศึกษา กศน. ของทุกอำเภอในสี่จังหวัดที่อยู่ลุ่มน้ำบางปะกง – ปราจีนบุรี และโตนเลสาป ได้แก่ นครนายก – ปราจีนบุรี – สระแก้ว และ ฉะเชิงเทรา จำนวน 80 คน ในระหว่างวันที่ 18 – 21 ธันวาคม 2551 กิจกรรมประกอบด้วย
1. ฝึกการใช้เทคนิคการเสวนา (Dialogue) และการใช้เครื่องมือบันทึกแผนภูมความคิด (Mind mapping) เพื่อทำงานในชุมชน
2. ฝึกอบรมการเป็นวิทยากรนักสืบสายน้ำโดยวิทยากรจากลุ่มน้ำเมืองตรัง ซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมในพื้นป่า ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส
3. กิจกรรมกลางคืนดูดาว เช้าดูนก สายดูผีเสื้อ จากวิทยากรเครือข่าย ผู้เชี่ยวชาญ เช่น อาจารย์สินธุยศ จันทร์สาขา ซึ่งถ่ายภาพผีเสื้อและเขียนคู่มือผีเสื้อที่ปางสีดา
4. กิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง น้ำ-ธรรมชาติ-ชีวิต
เป้าหมายเพื่อให้ครู กศน. และ นักศึกษา กศน. ในแต่ละจังหวัดได้ขยายผลในชุมชนภายใต้การสนับสนุนของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว

24 พฤศจิกายน 2551

เจ้ารุ้งตัวอ้วน



ช่วงนี้ลมหนาวเริ่มพัดโชยมา ทำให้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลจาก วสันต์ฤดู เข้าสู่ เหมันต์ฤดู (จากฝนก็เข้าสู่หนาว) และก่อนที่ความคิดจินตนาการจะไปไกลกว่านี้ พลันก็ได้ฉุกคิดขึ้นมาว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งเจอเหตุการณ์หนึ่งซึ่งคิดว่าทุกคนอาจเคยเจอเช่นกัน แต่บางครั้งอาจไม่บ่อยนัก“รุ้ง” คือ สิ่งที่เป็นนางเอกของเหตุการณ์คราวนี้ เธอไม่ใช่ผู้หญิง หากแต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการสะท้อนของแสงแดดเข้ากระทบละอองเม็ดฝนที่เป็นก้อนกลมๆ เล็กจนบางครั้งตาของเราอาจมองไม่ถนัด เมื่อแสงแดดที่ทุกคนมองเห็นเป็นลำแสงสีขาวตกกระทบที่ละอองเม็ดฝนแล้ว ลำแสงนี้ก็จะถูกกระจายออกมาเป็นแสง 7 สี ซึ่งประกอบด้วย สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง จากนั้นเจ้าละอองเม็ดฝนก็จะทำการสะท้อนแสงเหล่านี้ออกมากระทบกับนัยน์ตาของเรา ทำให้เราเห็นเป็นเจ้ารุ้งตัวอ้วน ลักษณะโค้งมน มีอยู่ 7 สี บางครั้งถ้าเรามองเผินๆ เราจะเห็นคล้ายกับว่ามันมีแค่ 3 สี นั่นเป็นมายากลทางธรรมชาติที่น่าสงสัยและชวนติดตามเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องรุ้งมากขึ้น เราก็จะรู้ว่า รุ้งนั้นมีด้วยกันหลายแบบ แต่ที่พอจะอธิบายได้ชัดเจนก็มีอยู่ 2 แบบ คือ รุ้งปฐมภูมิ (รุ้งตัวที่ 1) และ รุ้งทุติยภูมิ (รุ้งตัวที่ 2) ถ้าด้านที่อยู่ตรงกันข้ามดวงอาทิตย์มีละอองเม็ดฝนมาก เราก็จะสามารถเห็นรุ้งทั้ง 2 ตัวนี้เคียงคู่กัน เหมือนกับว่ามันกำลังหยอกล้อกัน โดยหันด้านที่เป็นสีเหมือนกันเข้าหากัน เปรียบเหมือนกันคนที่พูดจาภาษาเดียวกัน อาจเป็นได้ทั้งเพื่อนหรือคนรัก ความโค้งของมันก็ดูเหมือนความอ่อนโยนหรือความสุภาพที่ทุกคนควรมีให้กัน สีสันที่สดสวยของมันก็เหมือนชีวิตของคนเราที่อาจมีได้ทั้งสุข ทั้งเศร้า ปนกันไปมองเห็นธรรมชาติแล้วบางครั้งก็อย่าลืมนำมาเก็บเป็นปรัชญาชีวิตของเราบ้าง เพราะตัวเราเองหนีห่างจากธรรมชาติไม่พ้น ธรรมชาติเป็นครูที่ดีของเรา เป็นเพื่อนที่เข้าใจเรา เป็นคนในครอบครัวที่พร้อมอยู่กับเราตลอดเวลา เมื่อรู้สึกตัวว่าเหงา เหว่ว้า จงคิดว่าธรรมชาตินั่นไงที่อยู่กับเราตลอด และถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ลองมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วถามว่าเธอคิดอะไรบ้าง
(ภัฑรกิจ : ถ่ายภาพ)
แนะนำเว็บไซด์ที่ให้ความรู้เรื่องรุ้ง http://funscience.gistda.or.th/rainbow/rainbow.html

22 พฤศจิกายน 2551

ครู กศน. นักสานฝันของแผ่นดิน


เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนของประเทศไทย ผู้คนที่รับฟังจะมีจินตนาการที่หลากหลายต่อจังหวัดนี้ ตัวอย่างเช่น แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองสามหมอก หมอกฤดูฝน หมอกฤดูหนาวและหมอกควันในฤดูร้อน แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองแห่งดอกบัวตองมีดอกบัวตอง หรือดอกทานตะวันป่าบานเต็มภูเขาที่สลับซับซ้อนในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง ธันวาคม ของทุกปี แม่ฮ่องสอนเป็นดินแดนที่เดินทางยากมีถนนสูงต่ำเลี้ยวลดคดโค้งหฤโหดที่สุดของประเทศจนได้รับสมญานามเมือง 1,864 โค้ง แม่ฮ่องสอนเป็นดินแดนแห่งชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว ชนเผ่าที่น่าศึกษาเรียนรู้เป็นต้น
สำหรับวันนี้ขอเขียนถึงแม่ฮ่องสอนในมุมมองของการให้โอกาสทางการศึกษาต่อมวลมนุษยชาติซึ่งดำเนินการโดย ครู กศน. นักสานฝันของแผ่นดิน สัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสมาแม่ฮ่องสอนได้รับการต้อนรับจาก กศน. แม่ฮ่องสอนอย่างดียิ่ง ท่าน ผอ. ธนิต แท่งทองคำ อนุญาตให้อาจารย์ผกาพันธุ์ แท่งทองคำ อาจารย์ต่าย และน้องศรีวิศาล จันทร์สุข น้องกิตติศักดิ์ ศรีวิโรจน์ ครู กศน. นำพาไปเยี่ยมชม การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช. “แม่ฟ้าหลวง”) ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน การเดินทางต้องเดินทางโดยเรือหางยาวนั่งได้ประมาณ 8 คน ขับตามกระแสน้ำของลำน้ำปายไปประมาณ 30 นาที สองฝั่งของลำน้ำปายสวยงามและเป็นธรรมชาติอยู่มาก แม่น้ำปายไม่เชี่ยวนักในเดือนพฤศจิกายน เมื่อไปถึงบ้านห้วยปูแกง ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาวปลูกสร้างบ้านอยู่บนเนินเขาริมแม่น้ำปาย หลังคาบ้านมุงด้วยใบไม้ที่คนภาคเหนือเรียก “ใบตองตึง” ฝาบ้านเป็นฝากไม้ไผ่ พื้นบ้านปูด้วยไม้กระดานยกพื้นสูงพอนั่งห้อยขาได้สบาย ๆ มีประมาณ 30-40 หลังคาเรือน เดินผ่านบ้านเรือนไปจนสุดเขา ศศช. “แม่ฟ้าหลวง” อยู่สูงเด่นหลังคามีโซลาเชลล์ และจานรับสัญญาณติดตั้งอยู่ การจัดการศึกษาระดับประถม และระดับมัธยมอยู่คนละแห่งเพื่อไม่ให้รบกวนกัน ณ ที่แห่งนี้ได้พบกับครูเทียนชัย ทิติกัลยากร ครูของ ศศช. แม่ฟ้าหลวง ครูเทียนชัยเป็นชนเผ่าที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือในระดับ ปวส. แววตาจริงจังของครูเทียนชัย แสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่จะให้โอกาสทางการศึกษากับเด็ก ๆ ชาวเขาทุกคน ในวันนั้นมีการเรียนการสอน 2 วิชา คือ วิชาคณิตศาสตร์ และวิชา ภาษาอังกฤษ สอนโดยอาสาสมัครรุ่นพี่ แม้จากมาเกือบเดือนแล้วเสียงเด็กกะเหรี่ยงฝึกพูดดังก้องในความทรงจำ เมื่อเขาออกเสียงภาษาอังกฤษประโยคหนึ่งว่า “who are you????”
ขอส่งกำลังใจมาให้ครู กศน. ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ในป่าเขาลำเนาไพร เกาะแก่งทุกแห่งหน ขอให้ท่านเป็นนักสานฝันของแผ่นดินที่ให้โอกาสทางการศึกษาไม่เลือกชาติพันธุ์ชนชั้น กับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ให้สมกับเป็นเพชรเม็ดงามที่ กศน. ภาคภูมิใจตลอดไป

19 พฤศจิกายน 2551

ค่ายวิทยาศาสตร์

ศูนย์วิทย์ฯ สระแก้วจัดกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ตามโครงการ พัฒนาคุณภาพการศึกษา “การเข้าค่ายวิทยาศาสตร์” โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 175 คน จากโรงเรียนบ้านวังบูรพา และ โรงเรียนบ้านหนองผักหนาม สังกัด สพท.สระแก้ว เขต 1 ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. 2551

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2551 ชาวศูนย์วิทย์ฯ สระแก้ว ได้เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและถวายดอกไม้จันทน์
เนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ณ วัดสระแก้ว พระอารามหลวง อ.เมือง จ.สระแก้ว


11 พฤศจิกายน 2551

วัดหลวงพ่อพระพุทธโสธร


วัดหลวงพ่อพระพุทธโสธรปีนี้
กศน.ฉะเชิงเทรา และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ระดมสรรพกำลังทั้งบุคลากรและนิทรรศการวิทยาศาสตร์นิทรรศการอาชีพ เพื่อเติมเต็มกระบวนการเรียนรู้ให้กับประชาชนจากทั่วสารทิศที่เดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อพระพุทธโสธร ในงานนมัสการหลวงพ่อพระพุทธโสธรและงานกาชาด ระหว่างวันที่ ๓ – ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ประชาชนให้ความสนใจทุกเรื่องที่จัดแสดงนิทรรศการ โดยเฉพาะภาคกลางคืน ตัวอย่างเช่น
· การดูดาว
· เครื่องมือทดลองวิทยาศาสตร์ต่างๆ
· เกมส์วิทยาศาสตร์
· ดอกไม้ประดิษฐ์
· นวดแผนโบราณ
· เตาเผาถ่านน้ำส้มควันไม้
คาดว่ามีประชาชนร่วมเรียนรู้หลายหมื่นคนในงานนมัสการหลวงพ่อพระพุทธโสธรในปีนี้

28 ตุลาคม 2551

“PARTICIPANT VISION”


“PARTICIPANT VISION”
วิสัยทัศน์ร่วมขององค์กร

นับเป็นวาระสำคัญอีกวาระหนึ่งของชาวศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ที่ได้ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดทำวิสัยทัศน์ขององค์กรรวมทั้งพันธกิจที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์อย่างมีส่วนร่วมอย่างมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เพื่อการเตรียมความพร้อมประกันคุณภาพภายในสถานศึกษานำสู่การประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษาในโอกาสต่อไป

ในการจัดทำวิสัยทัศน์ครั้งนี้ เรามีเงื่อนไขร่วมกันว่า
· ทุกคนในองค์กรต้องร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมกัน
· ทุกคนต้องอยู่ร่วมกิจกรรมจนกว่าจะได้วิสัยทัศน์และพันธกิจ
· ยอมรับการนำเทคนิค บัตรคำ ( Mataplan) มาใช้ในกระบวนการจัดทำครั้งนี้

วิสัยทัศน์ (Vision)
ภายในปีพ.ศ. 2555 ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วเป็นแหล่งการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่มีการพัฒนาองค์กรให้ทำงานเป็นทีมร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายด้วยกัลยาณมิตร

พันธกิจ (Mission)
· พัฒนาศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วให้เป็นแหล่งการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
· พัฒนาองค์กรให้ทำงานร่วมกันเป็นทีม
· ส่งเสริมและสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายด้วยกัลยาณมิตร

ปราสาทเขาน้อยสีชมพู

วันนี้ (27 ตุลาคม 2551) ได้ไปศึกษาแหล่งการเรียนรู้ที่จัดว่ามีความสำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เป็นพุทธสถานที่เก่าแก่ที่สุด มีจารึกการก่อสร้างตรงกับปีพุทธศักราช 1180 พุทธสถานนั้นคือ “ปราสาทเขาน้อยสีชมพู” ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ไม่สูงนัก ณ ตำบลคลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ในคราวที่มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสระแก้ว ณ วันที่ 1ธันวาคม 2536 นั้น ชาวจังหวัดสระแก้ว ได้นำเอาภาพพุทธสถานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสระแก้ว ในด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของพุทธสถานแห่งนี้มองได้หลายมุม ถ้ามองลักษณะภูมิประเทศพื้นที่โดยรอบมีป่าไม้ ร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ที่สามารถศึกษาเรียนรู้ได้ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ตัวปราสาทมีลักษณะเป็นขั้นกว้างให้ก้าวเดินได้ 2-3 ก้าว และก้าวขึ้นไปขั้นต่อไปเตี้ยๆ ทำให้เดินแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย เด็กหรือผู้สูงอายุเดินได้สบายๆ เมื่อขึ้นไปถึงมองเห็นตัวปราสาทรูปทรงคล้ายพระปรางค์สามยอดที่จังหวัดลพบุรี แต่ที่ปราสาทเขาน้อยสีชมพูเหลือเพียงปราสาทองค์กลางเท่านั้นปราสาทองค์ซ้ายและขวาชำรุด ปรากฏเพียงฐานและร่องรอยที่เป็นทับหลังหินทรายตกอยู่ องค์ปราสาทถูกสร้างด้วยอิฐสีชมพู หากสังเกตอย่างละเอียดแล้วจะเห็นความประณีตของการวางอิฐที่ต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ในการซ้อนอิฐให้เกิดการถ่ายเทน้ำหนักอย่างสมดุลซึ่งคนโบราณสร้างให้อยู่เพื่อลูกหลานได้เห็น ถ้านับเวลาถึงปัจจุบันปราสาทเขาน้อยสีชมพูมีอายุกว่า 1371 ปีแล้ว

สรุปว่า ปราสาทเขาน้อยสีชมพูนับเป็นมรดกทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าเพื่อการศึกษาเรียนรู้ของมนุษย์ชาติทุกคน

27 ตุลาคม 2551

เขาคือใคร


ยามเจ้าวัยเยาว์เจ้าจะคืบเจ้าจะคลานไปแห่งหนตำบลไหนใครต่อใครเขาเห็นเจ้า เขาก็เกลียดเขาก็กลัวทำท่าขยะแขยงหลีกลี้หนี้ห่างต่างร้องบอกต่อๆกันว่า “หนอน หนอน หนอน” เขาช่างเกลียดช่างกลัวเรากะไรเช่นนี้ น้ำตาซึมพาตัวไปซุกไปซ่อนกำบังกายถักทอเส้นใยเป็นเกราะห่อหุ้มตัว ทั้งกลัวภัย ทั้งอับอาย… ไม่มีใครเขาเมตตานอนนิ่งคิดนึกน้อยเนื้อต่ำใจ จะทำเช่นไรในชีวิต จะซ่อนตัวอับอายเช่นนี้หรือจะออกไปสู่โลกกว้างสู้ความจริง แม่เคยบอกเราว่า “แท้ที่จริงแล้วเราทั้งสวยทั้งสง่างาม ร่าเริงสดใสเมื่อเราโผผินบินไปในท้องนภา” แต่เราไม่รู้ว่าที่แม่พูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่แล้ววันหนึ่งเรารู้สึกตัวว่าเกราะที่อบอุ่นของเราคับแคบและอึดอัด หรือว่าเราตัวโตขึ้น… เมื่อดันเกราะที่เคยห่อหุ้มให้หลุดพ้นไป ร่างกายเราปรากฏเป็นดั่งที่แม่เคยบอกไว้… เราทั้งสวยทั้งสง่างามเราบินได้ด้วย มีผู้คนมากมายยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อพบเห็นเราโผผินบินไปในโลกกว้าง เขาเหล่านั้นต่างก็พูดว่า “สวยจังเลยผีเสื้อตัวนี้ที่ปางสีดา”

24 ตุลาคม 2551

PANGSIDA AGENDA


ชาวศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว 20 ชีวิต ระดมสมองด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม เมื่อวันที่ 7-10 ตุลาคม 2551 ณ อุทยานแห่งชาติปางสีดา 3 คืน 4 วัน ที่ทุกคนหลอมรวมภารกิจโดยกำหนดการไประดมสมองครั้งนี้เป็น “วาระแห่งปางสีดา (PANGSIDA AGENDA)” ใน 3 เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกันคือ

- รายงานผลการดำเนินงานของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ปีงบประมาณ 2551
- แผนปฏิบัติงานของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ปีงบประมาณ 2552
- การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
ทุกเรื่องราบรื่นสำเร็จตามเป้าหมาย พวกเราทุกคนได้กำหนดเป็นพันธสัญญาร่วมกันเรียกว่า “พันธสัญญาที่ปางสีดา (PANGSIDA COMMITMENT)” ดังนี้

· บริหารโครงการภายใต้วงเงินที่ตกลงไว้ที่ “ปางสีดา”
· มุ่งมั่นดำเนินโครงการของเราและทีมให้บรรลุเป้าหมาย
· ทำงานร่วมกันกับเครือข่ายด้วยกัลยาณมิตร
· ทำงานร่วมกับพี่น้อง กศน. เพื่อปวงชน
· นำพาองค์กรศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว สู่ความเป็นหนึ่ง

บ้านดิน ศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติ


ในอำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว มีแหล่งการเรียนรู้แห่งหนึ่งที่จัดว่าสำคัญยิ่งเพราะเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่มีเอกลักษณ์ซึ่งสามารถบูรณาการระหว่างองค์ความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ แหล่งการเรียนรู้ที่กล่าวถึงนั้นคือ บ้านดิน ศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติ
ความเป็นมาของบ้านดินศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติเริ่มต้นจาก ชมรมผู้สูงอายุจังหวัดสระแก้วโดยมี คุณสมิตร เย็นสบาย เจ้าของที่ดินแห่งนี้เป็นแกนนำก่อตัวให้ใช้ที่แห่งนี้เป็นฐานเรียนรู้อบรมเกษตรกรเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงจากการพูดคุยกับวิทยากรประจำศูนย์ คุณสุเวช คำเดชะ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น กล่าวว่า หลักสูตรการอบรมของบ้านดินศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติต้องเป็นระยะเวลา 4 คืน 5 วัน เพราะมีฐานการเรียนรู้ทั้งสิ้น 9 ฐานเรียนรู้ รุ่นหนึ่งๆรับได้ 70-80 คน ฐานการเรียนรู้แต่ละฐานมีความสำคัญยิ่ง เช่น ฐานบ้านดินเป็นการเรียนรู้การนำดินเหนียวมาทำบ้านให้ผู้เข้าอบรมได้อยู่อาศัย เป็นต้น นอกจากฐานบ้านดินแล้ว ยังมีฐานต่างๆดังนี้ ฐานวิถีชาวนา ฐานคนรักแม่พระธรณี ฐานหมูหลุม ฐานคนเอาถ่าน ฐานคนมีน้ำยา ฐานสมุนไพรใกล้บ้าน ฐาน Bio-gas ฐาน Bio – diesel เมื่อซักถาม คุณสุเวช คำเดชะ ว่าองค์ความรู้ที่ให้กับเกษตรกรผู้มาอบรมนั้นได้กล่าวถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ คุณสุเวช คำเดชะ ตอบว่า “ ยังครับอยากให้ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษามามีส่วนร่วมในกิจกรรมแห่งนี้ด้วยครับ”
สรุปว่า แหล่งการเรียนรู้บ้านดินศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติแห่งนี้ควรเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่บูรณาการภูมิรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับประชาชนผู้มาเรียนรู้

solar cell


จะมีใครรู้บ้างไหมว่าจังหวัดสระแก้ว มีแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ เรื่อง การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือที่รู้จักในภาษาทับศัพท์ว่า “โซลาเซลล์ (solar cell )” ตั้งอยู่ที่ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้วสถานที่แห่งนี้เป็นโครงการทดลองเป็นโครงการพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้คนไทยทั้งประเทศได้ศึกษาทั้งในส่วนแก่นแท้ทางวิทยาศาสตร์และความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของชุมชนจากการสอบถามสัมภาษณ์ นายสมพงษ์ ทิพย์โอสถ หัวหน้าสถานีพลังงานแสงอาทิตย์คลองช่องกล่ำกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่ทดลอง เรื่องพลังงานจากแสงอาทิตย์เพราะพื้นที่แห่งนี้ “ ดวงอาทิตย์มีองศาตกกระทบกับแผ่นดินเบี่ยงเบนน้อยที่สุด” หมายความว่าพื้นดินจะรับพลังงานแสงอาทิตย์เข้มตรงเต็มๆ สอดคล้องกับความเป็นไปของพื้นที่ ในส่วนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โครงการได้ทดลองแผงโซลาเซลล์หลายแบบเพื่อดูว่าแบบใด ทนทาน ราคาถูก เหมาะสมที่จะนำมาใช้งานกับประเทศไทยเรานอกจากแหล่งเรียนรู้แห่งนี้จะเป็นสถานที่ทดลองการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วยังเป็นสถานที่ทดลองต้นแบบการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำจากแหล่งเก็บน้ำคลองช่องกล่ำบน ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับการเรียนรู้ของคนไทยทุกคน

ต้นน้ำตก"ปางสีดา"


วันแรกของการเริ่มงาน ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแห่งใหม่ ขอเริ่มต้นการเรียนรู้ จากการเรียนรู้พื้นที่ลักษณะภูมิประเทศและธรรมชาติในพื้นที่รับผิดชอบก่อน เป้าหมายคือ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อ.เมืองสระแก้ว อุทยานแห่งนี้ มีชื่อเสียงที่มีผีเสื้อสวยงามเป็นจำนวนมากหลากหลายมีกลุ่มเยาวชนก่อตั้งเป็นกลุ่ม “รักผีเสื้อปางสีดา” ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เรื่องผีเสื้อเก็บไว้เขียนเมื่อเก็บข้อมูลได้มากกว่านี้ วันนี้ขอเขียนเรื่อง “ต้นน้ำตก” นะ เพราะไปพบ “ต้นน้ำตก” ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาแล้วรู้สึกกระทบใจตอนที่เป็นเด็ก คุณครูสอนว่า “แม่น้ำทุกสายที่พวกเราเห็นนั้นกว่าจะเป็นแม่น้ำได้จะต้องมีต้นน้ำหลาย ๆ ต้นน้ำไหลมารวมกัน ตอนเด็กสงสัยมากต้นน้ำมันเป็นอย่างไรไม่เคยเห็นซักที วันนี้พบแล้ว ต้นน้ำจริงๆ เป็นต้นน้ำตกปางสีดา ลักษณะขออธิบายประกอบภาพ องค์ประกอบของต้นน้ำคือมีป่าไม้ขึ้นอยู่บนภูเขาขนาดลดหลั่นกันไป ที่ชายเขามีตาน้ำผุดขึ้นจากดินขนาดเล็ก ๆ แล้วค่อยไหลลงสู่ที่ต่ำ ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นหลาย ๆ แห่งก็เรียกว่าต้นน้ำหลาย ๆ ต้นน้ำไหลรวมกันกลายมาเป็นต้นน้ำตก “ปางสีดา” ให้เราชื่นชมความสวยงาม ความชุ่มฉ่ำในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้

ละลุ (LALU)


คำว่า “ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ” ชาวเขมรเรียกแผ่นดินที่ถูกน้ำกัดเซาะเป็นรูว่า “ละลุ” ในที่นี้ละลุเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่บ้านหนองผักแว่น ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเกี่ยวกับพื้นดินที่ทับถมกันอย่างรวดเร็วเมื่อหลายหมื่นปี ทำให้ดินบางส่วนจับตัวกันไม่แน่น เมื่อเวลาผ่านไปฝนตกน้ำซึมลงไปในส่วนล่าง ทำให้ดินที่ไม่แน่นไหลออกไปสู่ที่ต่ำ ส่วนดินที่แข็งก็ จับตัวเป็นแท่งลดหลั่นกันมองดูสวยงามน่าศึกษาเรียนรู้ ปรากฏการณ์ที่เกิด “ละลุ” เป็นไปอย่างช้า ๆ จากการพูดคุยกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้นำชมเล่าว่าเขามองการเปลี่ยนแปลงของ “ละลุ” มาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา “ละลุ” ขยายพื้นที่ได้ไม่เกินหนึ่งเมตร เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 40 ปี แสดงว่าปรากฏการณ์นี้เป็นไปอย่างช้า ๆ ผู้ที่รักการศึกษา หาความรู้ควรไปศึกษาธรรมชาติโดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกใบนี้ของเรา

ประกาศเจตนารมณ์



ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ขอเป็นหนึ่งของแหล่งเรียนรู้ที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับภูมิรู้ภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้ ทั้งทางธรรมชาติ รวมถึงองค์กรแห่งการเรียนรู้อื่นๆ เพื่อจรรโลงองค์ความรู้วิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาสำหรับปวงชนชาวไทยให้อยู่คู่สังคมไทยตลอดไป